วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

โทรศัพท์มือถือiphone 4

 




              โทรศัพท์มือถือiphone 4








จอแสดงผลแบบ Retina Display Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 640x960 Pixels (326 dpi : กว้าง 3.5 นิ้ว)
เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน (3-Axis Gyro Sensor)
เชื่อมต่อ Safari Web Browser ผ่านระบบ WiFi, HSDPA, EDGE หรือ GPRS Class 10 พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน Bluetooth
ฝาหลังแบบ Gorilla Glass มีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ พร้อมกรอบล้อมรอบตัวเครื่องแบบ Stainless Steel
กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels พร้อมการถ่ายภาพวิดีโอ (720p : WXGA : 1280x720 Pixels : 30 fps)


  • ระบบสัญญาณ Dual Mode (WCDMA/GSM)
    - WCDMA/HSDPA Quad Band (850/900/1900/2100 MHz)
    - GSM Quad Band (850/900/1800/1900 MHz)
    - ใช้งานซิมการ์ดแบบ microSIM




  • ขนาด 115.2x58.6x9.3 มิลลิเมตร




  • น้ำหนัก 137 กรัม




  • ชนิดจอแสดงผลแบบ Retina Display Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 640x960 Pixels (326 dpi : กว้าง 3.5 นิ้ว)
    - มีความละเอียดคมชัดของการแสดงผลมากขึ้นเป็น 4 เท่าของ iPhone 3GS
    - ความละเอียดระดับ 326 dpi หรือที่เรียกว่า Retina Display ช่วยให้สบายตามากกว่า
    - แอปพลิเคชั่นเดิมสามารถนำมาใช้งานได้ทันที และจะมีการปรับความละเอียดคมชัดให้มากขึ้นโดยอัตโนมัติ
    - มีค่า Contrast Ratio ที่ 800:1
    - มีเทคโนโลยีจอภาพแบบ IPS เช่นเดียวกันกับเครื่อง iPad
    - เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน (3-Axis Gyro Sensor)
    - ระบบสัมผัสแบบหลายจุด (Multi-Touch)
    - หน้าจอสามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ (Scratch-Resistant Display)
    - ระบบ Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
    - ระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน




  • ชนิดแบตเตอรี่ Li-Ion




  • ระยะเวลารอรับสายสูงสุด ประมาณ 300 ชั่วโมง




  • ระยะเวลาสนทนาสูงสุด ประมาณ 14 ชั่วโมง (GSM) หรือ 7 ชั่วโมง (WCDMA)




  • ระยะเวลาการฟังเพลงต่อเนื่องสูงสุด ประมาณ 40 ชั่วโมง




  • ประมวลผลการทำงานด้วย Apple A4 Processor ความเร็วในการประมวลผล 1 GHz




  • ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 4 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Mac OS)
    - รองรับการเปิดใช้งานหลายโปรแกรมในเวลาเดียวกัน (Multi-Tasking)
    - ผู้ใช้ iPhone 3G และ 3GS สามารถอัพเกรดระบบปฏิบัติการให้เป็น iOS4 ได้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน เป็นต้นไป ส่วนผู้ใช้ iPhone 2G ไม่สามารถอัพเกรดได้




  • หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB หรือ 32 GB




  • หน่วยความจำสมุดโทรศัพท์ (ไม่จำกัดจำนวน)




  • บันทึกข้อมูลการโทรอย่างละ 100 รายการ (โทรออก, รับสาย, ไม่รับสาย)





  • SMS (Short Messaging Service)




  • MMS (Multimedia Messaging Service)




  • Email (POP3, SMTP, IMAP4)
    - รองรับการใช้งานระบบ Push Email




  • ระบบสะกดคำอัตโนมัติ (T9)





  • HTML Browser (Safari Web Browser)
    - รองรับแบนเนอร์โฆษณาแบบ iAds




  • WiFi (WLAN : Wireless LAN : 802.11 b/g/n)




  • HSDPA (7.2 Mbps) : HSUPA (5.76 Mbps)




  • EDGE Class 10 (236.8 kbps)




  • GPRS Class 10 (4+1/3+2 slots : 32 - 48 kbps)




  • Bluetooth เวอร์ชัน 2.1
    - รองรับการเชื่อมต่อใช้งานกับหูฟัง Bluetooth แบบ Stereo (A2DP)




  • USB Data Cable (USB เวอร์ชัน 2.0)




  • ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
    - ฟังก์ชัน A-GPS ในตัว (Assisted Global Positioning System)
    - ค้นหาข้อมูลแผนที่ผ่านโปรแกรม Google Maps
    - โปรแกรมเข็มทิศดิจิตอล (Digital Compass)




  • ช่องต่อสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร




  • รองรับการเชื่อมต่อแสดงผลผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ (TV Out)




  • ค้นหาข้อมูลผ่านโปรแกรม Google Search, Yahoo และ Bing




  • รองรับการใช้งาน Youtube




  • โปรแกรม MobileMe สำหรับดึงข้อมูลใหม่ ไม่ว่าจะเป็น อีเมล, รายชื่อผู้ติดต่อ และปฏิทินนัดหมาย มาไว้ในเครื่อง





  • เสียงเรียกเข้าแบบ Polyphonic Ringtones
    - รองรับไฟล์เสียงเรียกเข้าแบบ MP3
    - แสดงรูปภาพขณะมีสายเรียกเข้า (Photo Caller ID)
    - ระบบสั่นในตัว




  • นาฬิกาบอกเวลา




  • ตั้งปลุก




  • โปรแกรม Organizer




  • ปฏิทินพร้อมบันทึกนัดหมาย




  • เครื่องคิดเลข




  • โปรแกรมเล่นไฟล์เพลง




  • โปรแกรมเล่นไฟล์วิดีโอ
    - โปรแกรม iMovie




  • โปรแกรมตัดต่อเสียง และวิดีโอ




  • โปรแกรม iBooks




  • เทคโนโลยี Noise Cancellation พร้อมไมโครโฟนสำหรับการสนทนาโดยเฉพาะ ช่วยให้เสียงสนทนาคมชัดแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก




  • สั่งงานด้วยเสียง




  • โทรออกด้วยเสียง




  • Handsfree และ Speakerphone ในตัว





  • ฝาหลังแบบ Gorilla Glass มีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้




  • กรอบล้อมรอบตัวเครื่องแบบ Stainless Steel ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และใช้งานเป็นเสารับสัญญาณในตัว




  • กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels
    - ความละเอียดสูงสุดของภาพถ่าย 2592x1944 Pixels
    - เซนเซอร์รับภาพแบบ Backside Illuminated Sensor
    - ไฟแฟลชในตัว (LED Flash)
    - ซูมภาพแบบดิจิตอลได้ 5 ระดับ (Digital Zoom)
    - ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ (Auto Focus)
    - ระบบเลือกจุดโฟกัสภาพด้วยการสัมผัส (Touch Focus)
    - ถ่ายภาพวิดีโอ (720p : WXGA : 1280x720 Pixels : 30 fps)
    - ไฟให้แสงสว่างสำหรับการถ่ายภาพวิดีโอ (LED Video Light)
    - ฟังก์ชัน Geotagging รองรับการแนบข้อมูลพิกัดตำแหน่งบนพื้นโลกไปกับรูปถ่าย และวิดีโอ




  • กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง
    - รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Video Calling บนระบบเครือข่ายแบบ WiFi (สนทนาพร้อมภาพวิดีโอ)




  • เกมส์ในเครื่อง
    - รองรับการควบคุมการเล่นเกมส์ด้วยการเคลื่อนไหว (Motion-Sensitive Gaming)




  • มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (ดำ และ ขาว)




  • เปิดตัวครั้งแรก เมื่อ เดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2010




  • กำหนดการออกวางจำหน่าย เดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2010 (สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อังกฤษ และญี่ปุ่น)
    - สั่งจองล่วงหน้าได้ในวันที่ 15 มิถุนายน และรับของได้ในวันที่ 24 มิถุนายน
    - ประเทศอื่นๆ อีก 18 ประเทศ สามารถสั่งจองได้ในเดือนกรกฎาคม และอีก 88 ประเทศทั่วโลก สามารถสั่งจองได้ในเดือนกันยายน




  • ราคาเปิดตัว 199$ สำหรับ iPhone 4 ความจุด 16 GB และ 299$ สำหรับ iPhone 4 ความจุ 32 GB




  • ที่มา   https://www.google.co.th/search?hl=th&q=%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%ADiphone+4&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_qf.,cf.osb&biw=1366&bih=677&um=1&ie=UTF-8&tbm=isch&source=og&sa=N&tab=wi&ei=B55VT5O-Jo_irAewvOC8Bw







  • บุคคลในวงการIT

    บุคคลสำคัญในวงการคอมพิวเตอร์
    Alan Mathison Turing
    อลัน มาธิสัน ทัวริง
    เกิด วันที่ 23 มิ.ย. 1912 ที่กรุงลอนดอน อังกฤษ
    เสียชีวิต วันที่ 7 มิ.ย. 1954 ที่เมืองวิล์มสโล อังกฤษ

    ผลงาน :
     ทฤษฎีความสามารถคำนวณได้ของคอมพิวเตอร์ (Computability) , การทดสอบความฉลาดของคอมพิวเตอร์ (Turing test), เครื่องจักรทัวริง (universal Turing machine)

    อลัน ทัวริง (Alan Turing) คิดค้นเครื่องจักรทัวริง (Turing machine) เครื่องมือในฝันที่สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง ถ้าเพียงแต่เราจะใส่วิธีทำลงไป ซึ่งกลายเป็นต้นแบบแรกเริ่มของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ทัวริงแมชชีนเป็นเครื่องมือมหัศจรรย์ เพราะเป็นครั้งแรกที่เราแยก "อุปกรณ์" ออกจาก "ความสามารถของอุปกรณ์" นั้นได้ การทำงานของเครื่องไม่ได้ถูกกำหนดมาล่วงหน้า แต่ขึ้นอยู่กับวิธีทำหรืออัลกอริทึมที่แนบมาด้วย
           เครื่องจักรทัวริงนั้นไม่้ยุ่งยาก ทำงานเป็นเหมือนเครื่องอ่านม้วนกระดาษยาวๆ (หรือเทป) ลองคิดดูว่าเรามีกระดาษเก็บข้อมูลยาวๆ ไม่สิ้นสุด บนกระดาษจะบันทึกเลขสองตัวคือ ศูนย์และหนึ่ง เช่น ...0011011000100... ทัวริงแมชชีนมีหัวอ่านค่าในกระดาษนี้ ที่บอกว่าตอนนี้กำลังอ่านเลขตัวไหนอยู่ตรงไหน และรู้ว่าตอนนี้อยู่ในสถานะใด (ทัวริงแมชชีนมีได้หลายสถานะ แล้วแต่ข้อมูลที่กำลังอ่านอยู่) วิธีทำที่แนบมาด้วยสามารถสั่งให้ทัวริงแมชชีนทำงานได้สี่ประการต่อไปนี้
                  1. อ่านเลขตัวติดกันทางซ้าย (เปลี่ยนตำแหน่งปัจจุบัน)
                  2. อ่านเลขตัวติดกันทางขวา (เปลี่ยนตำแหน่งปัจจุบัน)
                  3. แก้ค่าปัจจุบันที่อ่านอยู่ เช่นจาก 0 เป็น 1 หรือจาก 1 เป็น 0 (เปลี่ยนค่าบนกระดาษ)
                  4. เปลี่ยนสถานะ

           รูปด้านบนเป็นการใช้เครื่องจักรทัวริงตรวจสอบคำว่าใช่ "aabb" หรือไม่ ไม่น่าเชื่อที่ว่าแค่สั่งให้เครื่องจักรทัวริงเคลื่อนไหวไปๆ มาๆ ลบค่าบ้าง เปลี่ยนสถานะบ้าง จะทำให้เครื่องนี้มีความสามารถมากมาย วิธีทำที่แนบมาเป็นตัวควบคุมการทำงานของทัวริง ถ้าเราแนบคำสั่งให้ทัวริงอ่านเลขตัวติดกันทางขวาไปเรื่อยๆ ทัวริงก็จะไม่มีประโยชน์อะไรนัก แต่ถ้าเราเขียนคำสั่งที่ซับซ้อนขึ้น เครื่องจักรทัวริงก็สามารถเล่นหมากรุกกับเราได้ อลัน ทัวริงถึงกับบอกว่าเครื่องจักรทัวริงสามารถจำลองระบบความคิดของมนุษย์ได้ และนี่คือเครื่องมือมหัศจรรย์ที่อลัน ทัวริงคิดค้น
           อลัน ทัวริง เกิดในลอนดอน ปี 1912 บิดาทำงานเป็นข้าราชการอังกฤษที่ต้องประจำในอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่มารดาของเขาเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นสภาพแวดล้อมของลูก ดังนั้นชีวิตในวัยเด็กของทัวริงจึงเติบโตในอังกฤษในบ้านเลี้ยงเด็ก โดยที่พ่อแม่มาเยี่ยมเป็นครั้งคราว คาดกันว่าความเดียวดายในวัยเด็กนี้ ทำให้ทัวริงติดใจการทำงานของจิตใจมนุษย์เป็นพิเศษ

           เมื่ออายุสิบสามปี ทัวริงเข้าโรงเรียน Sherbourne ใน Dorset ในสมัยมัธยม ทัวริงสนิทและนับถือรุ่นพี่คนหนึ่ง ชื่อ คริสโตเฟอร์ มอร์คอม (Christopher Morcom)
     ซึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมาอย่างกะทันหันด้วยวัณโรค ความสูญเสียนี้ทำให้ทัวริงหมดสิ้นศรัทธาในศาสนาและพระเป็นเจ้า และเชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะต้องมีคำอธิบายที่เห็นและจับต้องได้จริง ทัวริงตั้งคำถามว่าจิตใจคนเราทำงานอย่างไร จิตของเพื่อนคนนั้นจะเป็นอย่างไรเมื่อร่างกายจากไปแล้ว เขาเชื่อว่าในเครื่องจักรกลและสมองของมนุษย์นั้นไม่มีจิตวิญญาณอยู่จริง แต่สงสัยว่าความคิด และความมีสติสัมปชัญญะเกิดได้อย่างไร

           อลัน ทัวริงเข้าเรียนที่ King's College ในเคมบริดจ์ เมื่อเรียนจบได้ไม่นานก็เผยแพร่ผลงานเครื่องจักรทัวริง ช่วงนั้นเป็นช่วงของสงครามโลกครั้งที่สอง จากผลงานของทัวริงที่ปรากฎทำให้รัฐบาลเรียกตัวเขาไปร่วมงานชิ้นสำคัญ ในตอนนั้น รัฐบาลอังกฤษรวบรวมนักคณิตศาสตร์ แชมเปียนหมากรุก นักภาษา นักวิเคราะห์อักขระอียิปต์ และใครก็ตามที่มีผลงานเกี่ยวกับหลักตรรกศาสตร์ เพื่อพยายามถอดรหัสของเครื่องเอนิกมา (Enigma) ซึ่งเป็นรหัสลับที่นาซีใช้ติดต่อสื่อสารในช่วงสงคราม งานนี้เป็นความลับระดับชาติ หลังจากทัวริงเสียชีวิตไปแล้ว สาธารณชนจึงได้รับรู้ว่าทัวริงมีส่วนในการออกแบบเครื่องมือที่ใช้แกะนาซีโค้ดที่ส่งไปที่ U-boats ในแอตแลนติกเหนือ และมีส่วนช่วยให้แกะรหัสนี้สำเร็จในเวลาต่อมา

            ทัวริงกลับมาที่เคมบริดจ์หลังสงครามเลิก และยังสนใจเรื่องเครื่องจักรกลที่สามารถคิดเองได้ เขาเสนอความคิดว่าเครื่องกลหนึ่งๆ สามารถจะเรียนรู้และแก้คำสั่งที่แนบมาเองได้ ทัวริงยังคิดค้นการทดสอบแบบทัวริง (Turing test) ที่โด่งดังซึ่งเป็นการวัดว่าเครื่องมือหนึ่งๆ จะมีความฉลาดทัดเทียมมนุษย์ได้หรือไม่ โดยวัดจากการนำคนหนึ่งไปนั่งในห้องปิด และถามคำถามเดียวกันกับคน และกับเครื่อง (แต่มองไม่เห็นว่าใครตอบ) ถ้าผู้ถามไม่สามารถแยกแยะได้ว่าคำตอบใดมาจากเครื่อง คำตอบใดมาจากคน นั่นย่อมแปลว่าเครื่องกลนั้นฉลาดทัดเทียมมนุษย์
           ตัวอย่างของการทดสอบแบบทัวริงที่น่าสนใจอันหนึ่ง คือรางวัล Loebner ที่จัดทุกปี เพื่อแข่งขันหาโปรแกรมสนทนาโต้ตอบกับคนที่มีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด กรรมการสิบคนจากหลากหลายอาชีพพิมพ์โต้ตอบคุยกับอีกฝ่าย ซึ่งกรรมการไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนี้เป็นโปรแกรมหรือเป็นคนจริงๆ ถ้ากรรมการแยกแยะไม่ได้ว่ากำลังคุยกับโปรแกรมหรือกับคน แต่จริงๆ แล้วอีกฝ่ายเป็นโปรแกรม ย่อมหมายความว่าโปรแกรมนั้นหลอกคนได้สำเร็จ และมีความฉลาดระดับหนึ่ง โปรแกรมที่ชนะเลิศการแข่งขันในปี 2004 มีชื่อว่าอลิซ (ALICE) ผู้เรียนสามารถลองคุยกับอลิซได้ที่เว็บไซต์http://alicebot.org/ ตัวอย่างคำตอบของเธอต่อกรรมการ
           กรรมการ: Do you daydream
           Alice: I have a lot of dreams but I cannot remember them all.
           กรรมการ: Do you speak any Swedish
           Alice: I speak only English right now, but I'd like to learn some other languages. Can you teach me a few phrases in Any Swedish.

           โปรแกรมเหล่านี้ต้องละเอียดขนาดความเร็วของแต่ละตัวอักษรที่ปรากฎ (เพราะต้องทำให้รู้สึกเหมือนคนกำลังพิมพ์ตอบ) ต้องวิจัยกันทีเดียวว่าเวลาที่ใช้การพิมพ์ตัวอักษรแต่ละตัวเป็นอย่างไร เช่นการพิมพ์ t นั้นเร็วกว่าการพิมพ์ตัว s และต้องใส่ถ่วงเวลาแค่ไหนระหว่างตัวอักษรแต่ละตัวจะปรากฎ และบางทีโปรแกรมก็ต้องพิมพ์ผิด เว้นวรรคพลาดบ้าง จะได้แนบเนียน แต่อลิซหลอกกรรมการที่เป็นจิตแพทย์ไม่ค่อยเก่ง เพราะเธอจนปัญญาเอาทีเดียวกับคำถามเหล่านี้
           กรรมการ: If I see a house
           Alice: Try it.
           กรรมการ: Am I on the inside outside or could it be either 

    แท็บแล็ต(tablet)



    แท็บเล็ต(tablet)
          "แท็บเล็ต - Tablet" ในความหมายแท้จริงแล้วก็คือแผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆโดยการเขียน (อาจจะเป็นกระดาษ, ดิน, ขี้ผื้ง, ไม้) และมีการใช้กันมานานแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่ใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่ซึ่งมีหลายบริษัทได้ให้คำนิยามที่แตกต่างกันไป หลักๆแล้วก็มี 2 ความหมายด้วยกันคือ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet Personal Computer)" และ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet"


    แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)
    "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถพกพาได้และใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก ออกแบบให้สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจากทาง Microsoft ได้ทำการเปิดตัว Microsoft Tablet PC ในปี 2001 แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไปและไม่เป็นที่นิยมมากนัก 

    "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ไม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ Laptops ตรงที่อาจจะไม่มีแป้นพิมพ์ในการใช้งาน แต่อาจจะใช้แป้นพิมพ์เสมือนจริงในการใช้งานแทน (มีแป้นพิมพ์ปรากฎบนหน้าจอใช้การสัมผัสในการพิมพ์) "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ทุกเครื่องจะมีอุปกรณ์ไร้สายสำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและระบบเครือข่ายภายใน

    แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือ แท็บเล็ต - Tablet
    "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ในขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางและใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก มีคีย์บอร์ดเสมือนจริงหรือปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนที่แป้นพิมพ์คีย์บอร์ด และมีความหมายครอบคลุมถึงโน๊คบุ๊คแบบ convertible ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสและมีแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดติดมาด้วยไม่ว่าจะเป็นแบบหมุนหรือแบบสไลด์ก็ตาม"  

    ซึ่งทางบริษัท Apple ผู้ผลิต "ไอแพด - iPad" ได้เรียกอุปกรณ์ของตัวเองว่าเป็น "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" เครื่องแรก
    ความแตกต่างระหว่าง "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet computer" และ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC"
    เริ่มแรก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" จะใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม x86 ของ Intel เป็นพื้นฐานและมีการปรับแต่งนำเอาระบบปฏิบัติการหรือ OS ของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ Personal Computer - PC มาทำให้สามารถใช้การสัมผัสในการทำงานได้ ตัวอย่างเช่น Windows 7 หรือ Ubuntu Linux แทนที่จะใช้แป้นพิมพ์คีย์บอร์ดหรือเมาส์ และเนื่องจากเป็นการรวมกันระหว่างระบบปฏิบัติการ Windows และหน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ของ Intel ทำให้มีคนเรียกกันว่า "Wintel"

    ต่อมาในปี 2010 ได้เกิดแท็บเล็ตที่แตกต่างจาก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ขึ้นมาโดยไม่มีการยึดติดกับ Wintel แต่ไปใช้ระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์เคลื่อนที่แทนนั่นก็คือ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือเรียกสั้นๆว่า แท็บเล็ต - Tablet" ซึ่งจะใช้หน้าจอแบบ capacitive แทนที่ resistive ทำให้สามารถสัมผัสโดยการใช้นิ้วได้โดยตรงและสัมผัสพร้อมกันทีละหลายจุดได้หรือ multi-touch ประกอบกับการใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM แทนซึ่งสถาปัตยกรรม ARM นี้ทำให้แท็บเล็ตนั้นมีการใช้งานได้ยาวนานกว่าสถาปัตยกรรม x86 ของ Intel หลายๆคนคงจะรู้จักแท็บเล็ตตัวนี้กันเป็นอย่างดีนั้นก็คือ ไอแพด (iPad) นั้นเอง

    ** สรุปความหมายของแท็บเล็ตสั้นๆ ก็คือ คอมพิวเตอร์พกพาหรือคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้งานขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางที่มีหน้าจอแบบสัมผัสในการใช้งานเป็นหลัก